อุปกรณ์สำคัญในการทำเบเกอรี่ (ตอน 12)
"อุปกรณ์สำคัญในการทำเบเกอรี่ (ตอน 12)"
สวัสดีชาวเพจ OTTO Kitchen Club ที่น่ารัก ทุกคนค่า!!! วันนี้แอดมินนำสาระน่ารู้เกี่ยวกับเบเกอรี่มาฝากอีกแล้วค่ะ โดยสาระน่ารู้ครั้งนี้เราขอเสนอชื่อตอนที่ว่า “อุปกรณ์สำคัญในการทำเบเกอรี่” ซึ่งตลอดทั้งเดือนนี้เราจะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอุปกรณ์ทำเบเกอรี่ที่จำเป็นทั้งหลายแหล่ เหมาะมากสำหรับมือใหม่หัดทำเบเกอรี่ทุกคนจ้า และตอนนี้ก็เป็นตอนสุดท้ายแล้วจ้าาา^^ สำหรับตอนสุดท้ายนี้แอดมินจะมาแนะนำในส่วน ของอุปกรณ์ในหมวด "เครื่องใช้ไฟฟ้า" ค่ะ - เครื่องตีไข่ไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า “เครื่องตีมือ” เหมาะกับการ ทำขนมหรือทำอาหารต่างๆที่มีปริมาณน้อย เพราะใช้ง่ายสะดวก ราคาไม่แพง เครื่องตีไข่ไฟฟ้ามี 2 ส่วน คือ ตัวมอเตอร์และหัวตี ซึ่งส่วนใหญ่มีหัวตีตะกร้อและหัวตีตะขอ ขณะตีให้หยุดเครื่องเป็นครั้งคราว ใช้พายยางช่วยปาดส่วนผสมจากขอบอ่างลงมาแล้วตีต่อจนได้ลักษณะส่วนผสมตามต้องการ ในการทำเบเกอรีนิยมใช้ประโยชน์จากเครื่องตีชนิดนี้หลากหลาย เช่น ตีวิปปิ้งครีม ตีไข่ ฯลฯ เลือกเครื่องตีมือไฟฟ้าที่ทำจากวัสดุทนทาน ดูแลรักษาง่าย และมีใบรับประกัน เมื่อใช้งานเสร็จให้ถอดหัวตีออกจากตัวมอเตอร์ทุกครั้ง ใช้มือรูดส่วนผสมที่ติดอยู่ตรงหัวตีออกจนหมด นำไปล้างทำความสะอาด ส่วนมอเตอร์และสายไฟให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดให้สะอาด แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้ง - เครื่องผสมอาหาร เป็นเครื่องผสมอาหารที่มีอ่างผสมและหัวตีชนิดต่างๆ มีหลายขนาด มีทั้งที่ทำจากพลาสติก หรือสเตนเลส ขนาดเล็กจะเหมาะกับการทำขนมภายในครัวเรือน ขนาดใหญ่จะใช้ในการทำขนมระดับอุตสาหกรรม เครื่องผสมอาหารมี 3 หัวตีด้วยกัน ซึ่งใช้งานแตกต่างกันดังนี้ 1.หัวตีใบพัด ใช้ตีเนย หรือตีเนยกับน้ำตาลให้ขึ้นฟูเป็นสีครีมนวล ใช้สำหรับทำคุกกี้ เค้กชนิดต่างๆ 2.หัวตีใบพัด ใช้ตีไข่ให้ขึ้นฟู หรือตีเนยให้ขึ้นฟูเป็นสีครีมนวล สำหรับทำเค้ก คุกกี้ ชนิดต่างๆ 3. หัวตีตะขอ สำหรับนวดแป้ง ใช้สำหรับทำขนมปังโดยเฉพาะ หัวตีแต่ละชนิดถอดเปลี่ยนได้ตามต้องการ เครื่องผสมอาหารปรับความเร็วสูงต่ำได้ตามความต้องการ แต่ละเครื่องความเร็วจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับรุ่น ขนาด กำลังไฟ เลือกขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งานและโถตี โดยดูจากความจุโถตี กำลังไฟฟ้า และวัสดุทนทาน หัวตีต้องลงล็อกพอดี เครื่องทำงานไม่ติดขัด มีใบรับประกันสินค้า เมื่อใช้งานเสร็จให้ถอดหัวตีออกจากตัวเครื่อง ใช้มือรูดส่วนผสมที่ติดอยู่ตรงหัวตีออกจนหมด นำไปล้างทำความสะอาด ส่วนตัวเครื่องและสายไฟให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดให้สะอาด แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้ง - เตาอบ มีหลายชนิด หลายขนาด มีทั้งแบบมีตัวบอกอุณหภูมิในเครื่องและแบบที่ไม่มีตัวบอกอุณหภูมิในเครื่อง แต่สามารถหาเทอร์โมมิเตอร์มาติดไว้ในเตาอบเพื่อบอกอุณหภูมิต่างหากได้เช่นกัน เตาอบเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำขนมอบทุกชนิด เพราะขนมอบทุกชนิดต้องผ่านการอบให้สุก ฉะนั้นการเลือกซื้อเตาอบควรเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งาน ดังนี้ 1. เตาอบแก๊สที่ใช้ในบ้าน ด้านบนเป็นหัวเตาแก๊สสำหรับทำอาหาร มีหัวปรับระดับความแรงของเปลวไฟ และมีหัวปรับตั้งอุณหภูมิของเตาอบ เป็นเตาอบที่มีไฟล่างและไฟด้านข้างซ้ายขวาเท่านั้น ดังนั้นเวลาอบขนมต้องวางถาดอบไวชั้นกลาง ถ้าวางชั้นล่างขนมก้นถาดหรือก้นพิมพ์สะสุกก่อน เตาแต่ละตัวไฟแต่ละด้านร้อนไม่เท่ากัน จึงต้องสังเกตทำความคุ้นเคยกับเตา เตาบางตัวไฟข้างซ้ายร้อน เมื่ออบไปจะต้องสลับหรือหมุนถาดขนม เพื่อให้ขนมสุกทั่ว 2. เตาอบแก๊สอุตสาหกรรม มีขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะผลิตในประเทศ ราคาไม่แพง เตาอบจะมีท่อเปลวไฟด้านล่างและด้านข้างหลายราง อุณหภูมิสูงต่ำตามเปลวไฟที่เปิด เช่น องบขนมปริมาณน้อยก็เปิดไฟล่างรางสลับเท่านั้น ปรับเปลวไฟสูงหรือต่ำลงได้ตามอุณหภูมิที่ต้องการ 3. เตาอบไฟฟ้า/ตู้อบฟ้า มีขนาดเล็ก –กลาง-ใหญ่ใช้ได้ทั้งทำในครัวเรือนหรือในอุตสาหกรรม ครัวเบเกอรีตามบ้านนิยมใช้ เพราะตั้งอุณหภูมิและเวลาได้ตามต้องการ มีทั้งแบบอบธรรมดาและแบบมีพัดลมช่วยทำให้ความร้อนทั่วถึง ขนมที่อบจึงมีสีเหลืองสวย สุกเร็วกว่าและประหยัดไฟฟ้ากว่าการอบแบบใช้เฉพาะไฟบนหรือไฟล่าง เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน และขนาดพื้นที่ในครัว และมีใบรับประกันสินค้า 4. เตาอบไม่โครเวฟ ให้ความร้อยโดยใช้คลื่นไมโครเวฟทำให้อาหารสุด ตั้งอุณหภูมิและเวลาได้ตามต้องการ ในการทำเบเกอรีเตาอบไมโครเวฟมีไว้เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการละลายเนยหรือช็อกโกแลตปริมาณเล็กน้อย แต่ไม่ใช้อบขนม การใช้เตาอบสำหรับอบขนมชนิดต่างๆควรอุ่นเตาอบไว้ล่วงหน้าก่อนอบขนมเล็กน้อย เพื่อให้เตาร้อยพอเหมาะ เมื่อขนมเสร็จพร้อมอบ เตาอบจะร้อนได้ที่พอดี ถ้าเตายังร้อนไม่พอขนมอาจไม่ขึ้น แต่ถ้าอุ่นเตาอบล่วงหน้านานเกินไปก็ไม่ดี โดยเฉพาะถ้าเตาอบไม่มีตัวควบคุมอุณหภูมิด้วยแล้ว เตาจะร้อนจัดมากเกินไป และขนมอาจมีเปลือกแข็งไหม้ และเปลืองเชื้อเพลิง เปลืองไฟก้าอีกด้วย การเลือกซื้อเตาอบ ควรพิจารณาดังนี้ 1. เลือกขนาดและราคาพอเหมาะกับความจำเป็นในการใช้งาน 2. ทำจากวัสดุทนทานแข็งแรง ทำความสะอาดง่าย 3. ระบบการใช้งานไม่ยุงยาก 4. มีพัดลมกระจายความร้อน 5. มีเทอร์โมสแตทควบคุมความร้อน 6. มีระบบการป้องกันอันตรายสมบูรณ์ 7. มีบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายในประเทศ 8. มีใบรับประกันสินค้า